ทำความรู้จัก TEP & TEPE

ทำความรู้จัก TEP & TEPE

ทำความรู้จัก TEP & TEPE มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สวัสดีค่า วันนี้มีข้อมูลสำหรับน้องๆ ที่สนใจคณะวิศวกรรมศาสตร์ และตัดสินใจเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ ทั้งการวางเป้าหมายอนาคต เลือกจุดหมายปลายทาง การคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร ซึ่ง TSE ตระหนักดีว่าผู้ปกครองและน้องๆ ต้องตัดสินใจอย่างรัดกุม โดยส่วนใหญ่มักจะวางเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน คือ การสร้างโอกาสและอนาคตให้กับผู้เรียน ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้เกิดการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารมากขึ้น 

ด้วยโจทย์นี้เอง TSE จึงออกแบบหลักสูตรวิศวะฯ อินเตอร์ ที่จะช่วยให้ทุกเป้าหมายเป็นจริงได้ และช่วยคลายข้อกังวลทั้งมิติด้านการเรียน การใช้ภาษาอังกฤษ โอกาสในการต่อยอดความสำเร็จหลังเรียนจบ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างการเรียน ซึ่งเป็นที่มาของโครงการพิเศษ หลักสูตรอินเตอร์ 

นั่นคือ โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตสองสถาบัน (TEP: Twinning Engineering Programmes) และ โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตหลักสูตรนานาชาติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ TEPE (Thammasat English Programme of Engineering)

TEP และ TEPE ล้วนแต่เป็นโปรแกรมการเรียนภาคอินเตอร์ ที่ขึ้นอยู่กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยกันทั้งคู่ และก็ใช้เวลาเรียน 4 ปีเท่ากัน ต่างกันที่ TEPE นั้นจะเรียนที่ธรรมศาสตร์ฯ ทั้ง 4 ปี ส่วน TEP เรียนที่ ธรรมศาสตร์ฯ 2 ปีแรก แล้วอีกสองปีไปต่อที่ University of Nottingham ประเทศอังกฤษ (TEP TU-NU) หรือ University of New South Wales ประเทศออสเตรเลีย (TEP TU-UNSW) ซึ่ง TEP หรือ The Twinning Engineering Programmes ของธรรมศาสตร์คือสถาบันแรกในประเทศไทยที่ริเริ่มโปรแกรมความร่วมมือข้ามชาติ Double Degree ระหว่างสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง และที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จสามารถผลิตวิศวกรคุณภาพระดับสากล หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจ ผู้บริหาร นักการตลาด และผู้เชี่ยวชาญอีกมากมายหลายสาขาที่นำความรู้ความสามารถที่ได้เรียนมาไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ได้อีกมาก

เรียนไทย 2 ปี แล้วไปต่อต่างประเทศ เรียนจบแล้วได้ 2 ปริญญา กับหลักสูตร TEP

สำหรับโครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตสองสถาบัน (TEP: Twinning Engineering Programmes) หรือ TEP ของ TSE นั้น เน้นการปูพื้นฐานด้านวิศวกรรมเป็นเวลา 2 ปีที่ศูนย์รังสิต จากนั้นนักศึกษาจะมีโอกาสเลือกไปเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกต่ออีก 2 ปี ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ  TSE ที่มีด้วยกัน 3 แห่ง ดังนี้

1. มหาวิทยาลัยแห่งนอตติงแฮม สหราชอาณาจักร (The University of Nottingham, UK)

เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ในเรื่องของการบุกเบิกและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้เรียน อีกทั้งยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยในเวทีโลก ด้วยศักยภาพการเป็นหนึ่งในสมาชิกของมหาวิทยาลัยใน Russell Group ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านคุณภาพของงานวิจัย และมีคุณภาพการสอนอยู่ในระดับสูง 

โดยขณะนี้มีนักศึกษามากกว่า 46,000 คนจาก 150 ประเทศ เข้าศึกษาใน 3 วิทยาเขต ได้แก่ สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐประชาชนจีน และสหพันธรัฐมาเลเซีย ซี่งนักศึกษาของ TSE จะได้รับทุนการศึกษาเป็นส่วนลดค่าเล่าเรียน 25% โดยไม่มีเงื่อนไข และหาก Professor เล็งเห็นถึงศักยภาพทางวิชาการของนักศึกษา ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับข้อเสนอทุนเล่าเรียนในอัตราพิเศษ ที่ถูกกว่านักศึกษาทั่วไปอีกด้วย

2. มหาวิทยาลัยแห่งนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย (UNSW Sydney, Australia) 

เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำจากทั้งหมด 8 แห่ง ด้านการเรียนการสอนและการค้นคว้าวิจัยของออสเตรเลีย หรือที่เรียกว่า “The group of Eight” (Go8) และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกเครือข่ายระดับโลกของบรรดามหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นด้านการวิจัยระดับสากลจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ 

นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยยังรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับศิษย์เก่าผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายฐานการทำงานไปทั่วโลก โดยส่วนใหญ่จะมีทักษะที่โดดเด่น สามารถร่วมงานกับภาครัฐ ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมในประเทศบ้านเกิดของตนเองด้วย

3. มหาวิทยาลัยเคยู เลอเฟิน ประเทศเบลเยียม (KU Leuven, Belgium) 

เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1  ของเบลเยียม และเป็นอันดับที่ 70 ของโลก จากการจัดอันดับของ QS World Ranking โดยมีจุดเด่นคือมุ่งเน้นการพัฒนาด้านนวัตกรรม จนได้รับการขนานนามว่า ‘เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมแห่งยุโรปต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน 

โดยเปิดสอนในสาขาวิศวกรรมที่น่าสนใจชื่อว่า Electromechanical Engineering ซึ่งเป็นการบูรณาการระหว่างวิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ การคว้าปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตจากสถาบันดังกล่าว ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดประตูสู่ทั่วยุโรป ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับสูงต่อไป หรือเริ่มต้นชีวิตการทำงานได้เลย

เลือกเรียนที่ไทยไปกับโครงการ TEPE โดยใช้ภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตร

เพราะการศึกษาในยุคใหม่ ต้องมีตัวเลือกที่โดนใจและมีความหลากหลาย ที่ช่วยเติมเต็มทุกความฝันของผู้เรียน การเรียนวิศวะฯ อินเตอร์ ในประเทศไทย 4 ปีตลอดหลักสูตร ในโครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตหลักสูตรนานาชาติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ (Thammasat English Programme of Engineering) หรือ TEPE ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งมีทั้ง 5 สาขา อาทิ วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมอุตสาหการ 

โดยจะมีการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ โดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ที่พร้อมด้วยประสบการณ์ที่ตรงกับภาคอุตสาหกรรม มาร่วมจัดการสอนตลอดหลักสูตร 

นอกจากนี้ ในแต่ละปี โครงการ TEPE ยังเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้คว้าทุนการศึกษาได้อีกด้วย ซึ่งมีทั้งทุนเต็มจำนวน และทุนแรกเข้า และยังได้ขยายความร่วมมือในการส่งเสริมให้นักศึกษาของ TSE เดินทางไปแลกเปลี่ยน (Exchange Programmes) กับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ 

ซึ่งเมื่อนักศึกษาขึ้นปีที่ 3 จะสามารถเลือกสถานที่จะเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน (Exchange Programmes) และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโครงการฝึกงาน ณ ต่างประเทศ (Internship Abroad Programmes) ที่อยู่ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง TSE และมหาวิทยาลัยคู่สัญญา ณ ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน TSE  ได้มีความร่วมมือ (MOU) ไว้กับหลายสถาบันชั้นนำทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีกว่า 20 แห่ง ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย 

โครงการ TEPE จึงเหมาะกับน้องๆ ที่มีความพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และมีจุดเด่นคือ คลาสเรียนมีขนาดกะทัดรัด เอื้อต่อการสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนและผู้สอนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น 

อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรที่น้อยกว่า โดย TSE มีแผนพัฒนาหลักสูตรโครงการ TEPE ให้สอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่อยู่ในคู่สัญญา เพื่อยกระดับศักยภาพคุณภาการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมของไทย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย