ทำความรู้จัก GED
น้องๆและผู้ปกครองหลายๆท่านอาจจะเคยได้ยินหรือรู้จักคำว่า GED มาบ้างแล้ว ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ GED ก็คือการสอบเทียบเพื่อให้ได้มาซึ่งวุฒิม.6 ในไทย และ GED มีความพิเศษตรงที่มีการเรียนเพียง 4 วิชาเท่านั้นซึ่งจะทำให้น้องสามารถจบม.6ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ หมายถึงน้องอาจจะสามารถจบม.6และเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุ16ปี ผ่านการเรียนและสอบ GED นี้ ฟังดูน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั่นเรามาทำความรู้จักกับ GED ให้ลึกขึ้นกันดีกว่า
GED คืออะไร?
GED หรือชื่อเต็มคือ General Educational Development Test เป็นวุฒิการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยได้รับรองวุฒิการศึกษานี้ให้เทียบเท่าได้กับวุฒิการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของประเทศไทย นั่นหมายความว่าเมื่อน้องๆที่เรียนและสอบGEDผ่านทั้ง 4 รายวิชา* จะเทียบเท่ากับการเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 และสามารถนำวุฒิ GED นี้ไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยหลายๆแห่งทั้งในและต่างประเทศได้**
*ปัจจุบันคะแนนที่ถือว่าสอบผ่านอยู่ที่วิชาละ 145 คะแนนขึ้นไป แต่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในไทยหลายๆแห่ง เช่น จุฬาฯที่กำหนดให้มีคะแนนรวม 4 วิชาอยู่ที่ 660(สำหรับน้องที่สอบตั้งแต่ 1 ส.ค 63 เป็นต้นมา) และมหวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่กำหนดคะแนนแต่ละวิชาต้องได้ 165 คะแนนขึ้นไป เป็นต้น
**ทั้งนี้น้องๆต้องศึกษาข้อมูลเกณฑ์การรับนักศึกษาของแต่ละคณะ/มหาวิทยาลัยด้วยว่ารับวุฒิGEDหรือไม่และมีกำหนดเงื่อนไขอื่นๆเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
GED สอบอะไรบ้าง?
น้องๆต้องเรียนและทำข้อสอบทั้ง 4 รายวิชาให้ผ่าน ซึ่งปะกอบด้วยรายวิชาดังนี้
Reasoning through Language Arts
เน้นวิเคราะห์ข้อความ แสดงความคิดเห็นและข้อโต้แย้งอย่างมีเหตุผล ข้อสอบจะแบ่งเป็น 3 ส่วน และมีส่วนของการเขียนเรียงความ (essay) ให้เวลา 150 นาทีและอีก 45 นาทีในการเขียนเรียงความ โดยเนื้อหาของ Reasoning Through Language Arts ประกอบไปด้วย
- การอ่านเอาความ
- การให้เหตุผล
- ไวยากรณ์และภาษา
Social Studies
น้องๆต้องใช้เหตุผลในการตีความข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม ข้อสอบมีเพียง 1 ส่วน ให้เวลา 70 นาที โดยมีเนื้อหาประกอบไปด้วย
- การอ่านเอาความทางสังคมศาสตร์
- การวิเคราะห์เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และการให้เหตุผล
- การใช้ตัวเลขและกราฟในทางสังคมศาสตร์
Mathematical Reasoning
คณิตศาสตร์เกี่ยวกับ การวัด สมการ และการประยุกต์ใช้แนวคิดทางคณิตศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง ข้อสอบแบ่งเป็น 2 ส่วน ให้เวลา 115 นาที โดยเนื้อหาประกอบด้วย
- คณิตศาสตร์พื้นฐาน
- เรขาคณิต
- พีชคณิตพื้นฐาน
- กราฟและฟังก์ชั่น
Science
เน้นเรื่องกราฟและแผนภูมิที่แสดงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และใช้เหตุผลในการตีความข้อมูลวิทยาศาสตร์ ข้อสอบมีเพียง 1 ส่วน ให้เวลา 90 นาที โดยมีเนื้อหาประกอบไปด้วย
- การอ่านเอาความทางวิทยาศาสตร์
- การออกแบบและตีความการทดลองทางวิทยาศาสตร์
- การใช้ตัวเลขและกราฟในวิทยาศาสตร์
เกณฑ์การสอบ GED
น้องสามารถสอบ GED ได้ตั้งแต่อายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่มีเงื่อนไขว่าน้องที่อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์นั้นจำเป็นจะต้องให้ผู้ปกครองเซ็นยินยอมก่อน แต่การดำเนินการนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพียงแค่น้องสมัคร Account GED ทางเว็บไซต์ GED จากนั้นดาน์วโหลด Consent form ปริ้นส์ อ่านและกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนจากนั้นให้ผู้ปกครองเซ็นลงชื่อ และสแกนส่งเมลไปที่ Operations@gedtestingservice.com เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย รออนุมัติประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลักจากนั้นก็สมัครและลุยทำข้อสอบได้เลย
ข้อมูลการสมัครสอบที่ควรทราบ
สมัครสอบอย่างไร?
สมัครสอบผ่าน www.ged.com
น้องต้องไปเว็ปไซต์ www.ged.com เพื่อเข้าสร้าง Account ถัดจากนั้นจึงสามารถจัดตารางสอบได้***
***ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ 2563 เป็นต้นมา ได้มีนโยบายสำหรับน้องที่เป็นผู้สมัคร GED ในประเทศไทยจะต้องทำคะแนน GED Ready ให้ได้ 145 คะแนนเพื่อผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำและต้องได้ 155 คะแนนขึ้นไปจึงจะสามารถจองรอบสอลจริงได้
สอบที่ไหน?
สำหรับสถานที่สอบ GED ในประเทศไทย มีให้น้องๆเลือกทั้งหมด 5 ที่ ดังนี้
1. Paradigm: ชั้น 2 อาคารอัลม่าลิงค์ ชิดลม กทม. 092 063 5599
2. Pearson Professional Centers: BB Building, ชั้น 10 ถนนอโศกมนตรี ซอยสุขุมวิท 21 กทม. 02 664 3563
3. Movaci Technology: 420/11-13 ถนนช้างคลาน อ. เมือง จ. เชียงใหม่ 053 920 555
4. Thabyay Education: อ.แม่สอด จ.ตาก
5. Phuket Academic Language School: 66/19 ถนนวิจิตรสงคราม อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
เปิดสอบช่วงไหน?
GED เปิดสอบตลอดทั้งปี ทุกวันวันละหลายรอบ
ค่าสมัครสอบเท่าไหร่?
ค่าสอบวิชาละ 75 USD หรือประมาณ 2,400 บาท รวมค่าสมัครสอบ 4 วิชา เป็นเงิน 300 USD น้องสามารถสอบคราวเดียว 4 วิชาหรือคราวละ 1-3 วิชาก็ได้
สอบแล้วรู้ผลเลยหรือไม่?
สอบแล้วรู้ผลเลยยกเว้น RLA Essay ที่ต้องรอผลประมาณ 1 สัปดาห์